รูปแบบการทำเกษตรแบบระบบไร่นาสวนผสม
ความเป็นมา
การเกษตรของไทยในอดีตเป็นการทำการเกษตรเพื่อยังชีพโดยอาศัยความอุดมสมบูรณ์จากธรรมชาติ
จึงไม่ค่อยจะพบปัญหามากนัก แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
อันเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรมีการใช้เทคโนโลยีการเกษตรแผนใหม่
เพื่อเพิ่มผลผลิตให้เพียงพอแก่การบริโภคของประชากรและเพื่อการส่งออกเป็นรายได้เข้าสู่ประเทศจึงทำให้การทำการเกษตรในปัจจุบันประสบปัญหามากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการขาดความสมดุลทางธรรมชาติการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืชรวมทั้งด้านการตลาดซึ่งนับวันจะแปรปรวนมากขึ้นเรื่อย
ๆจากปัญหาดังกล่าว การทำ
ไร่นาสวนผสมจึงเป็นทางเลือกหนึ่งของเกษตรกรที่จะลดความเสี่ยงที่เกิดจากภัยธรรมชาติและความไม่แน่นอนของราคาผลผลิตโดยการทำการเกษตรหลายๆอย่าง เพื่อเพิ่มระดับรายได้สามารถหมุนเวียนการใช้ทรัพยากรในไร่นาได้มากขึ้น
สร้างความสมดุลให้กับธรรมชาติทำให้ระบบนิเวศเกษตรของชุมชนดีขึ้น
เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและมีความมั่นคงในการที่จะประกอบอาชีพการเกษตรต่อไปเป็นการทำกิจกรรมการเกษตรหลาย
ๆ อย่าง ( ตั้งแต่ 2 อย่าง ) เพื่อตอบสนองต่อการบริโภคและลดความเสี่ยงจากราคาผลผลิตและภัยธรรมชาติ
ซึ่งกิจกรรมการเกษตรไม่จำเป็นต้องเกื้อกูลกันเช่น การเลี้ยงไก่ สุกร
รวมกับการปลูกพืช การปลูกโกโก้แซมในสวนมะพร้าว
การเลี้ยงปลาในร่องสวนไม้ผลหรือสวนผัก
หรืออาจจะมีการเกื้อกูลกันระหว่างกิจกรรมการผลิต โดยนำเศษเหลือของกิจกรรมหนึ่งไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับอีกกิจกรรมหนึ่งเช่น
เศษพืชผักเป็นอาหารสุกร มูลสุกรเป็นอาหารปลาน้ำจากบ่อปลานำไปรดพืชผัก
เป็นต้นลักษณะการทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่างเช่นนี้เกษตรกรจะมีรายได้จากผลผลิตหลาย ๆ
อย่าง มีการกระจายการใช้แรงงานอย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้งปี มีความรักและผูกพันกับไร่นา
มีความภาคภูมิใจในผลงานและผลผลิตของตนเอง ไม่อยากทิ้งไร่นาไปที่อื่น
เกษตรกรมีรายได้ตลอดปีและลดค่าใช้จ่ายสำหรับการซื้ออาหารเช่น ผัก ผลไม้
และแหล่งอาหารโปรตีนเช่น ปลา ไก่ เป็นต้น ความหมาย
ระบบไร่นาสวนผสม (Mixed/Diversefied/Polyculture
Farming System) คือ เป็นระบบการเกษตรที่มีกิจกรรมการผลิตหลาย ๆ
กิจกรรมเพื่อตอบสนองต่อการบริโภคหรือลดความเสี่ยงจากราคา
ผลิตผลที่มีความไม่แน่นอนเท่านั้น
โดยมิได้มีการจัดการให้กิจกรรมการผลิตเหล่านั้นมีการผสมผสานเกื้อกูลกันเพื่อ
ลดต้นทุนการผลิต
และคำนึงถึงสภาพแวดล้อมเหมือนเกษตรผสมผสานการทำไร่นาสวนผสมอาจมีการเกื้อกูลกันจาก
กิจกรรมการผลิตบ้าง แต่กลไกการเกิดขึ้นนั้นเป็นแบบ “เป็นไปเอง”
มิใช่เกิดจาก “ความรู้ ความเข้าใจ” อย่างไร ก็ตามไร่นาสวนผสม สามารถพัฒนาความรู้ความสามารถของเกษตรกรผู้ดำเนินการให้เป็นการดำเนินการในลักษณะ
ของระบบเกษตรผสมผสานได้ ความสำคัญของการเกษตรแบบผสมผสาน
1. เพิ่มรายได้ภาคการเกษตรจากกิจกรรมการเกษตรหลาย
ๆ ชนิด ทั้งกิจกรรมพืช สัตว์ ประมง และกิจกรรมการเกษตรอื่น ๆ เป็นการลดความเสี่ยงจากกิจกรรมการผลิตเพียง 1-2 ชนิด อีกทั้งเป็นการเพิ่มรายได้จากกิจกรรมหลายชนิด
2. ลดต้นทุนการผลิต
โดยการใช้ทรัพยากรในฟาร์มและปัจจัยการผลิตร่วมกันในการผลิตกิจกรรมการเกษตร
3. การกระจายการใช้ที่ดิน
ทุน และแรงงานของครัวเรือนเกษตรกรได้อย่างต่อเนื่องตลอดปีในระยะยาว สร้างสมดุลทางธรรมชาติทําให้ระบบนิเวศเกษตรของชุมชนดีขึ้น ประโยชน์ที่ได้รับของเกษตรผสมผสาน
ระบบเกษตรผสมผสานเป็นรูปแบบหนึ่งของระบบเกษตรกรรมที่มีกิจกรรมตั้งแต่2 กิจกรรมขึ้นไปในพื้นที่เดียวกัน
และกิจกรรมเหล่านี้จะมีการเกื้อกูลประโยชน์ซึ่งกันและกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ดังนั้นจึงเป็นระบบที่นำไปสู่การเกษตร แบบยั่งยืน (Sustainable
Agriculture) จึงก่อให้เกิดผลดีและประโยชน์ในด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. ลดความเสี่ยงจากความแปรปรวนของสภาพลม ฟ้า อากาศ
2. ลดความเสี่ยงจากความผันแปรของราคาผลผลิต
3. ลดความเสี่ยงจากการระบาดของศัตรูพืช
4. ช่วยเพิ่มรายได้และกระจายรายได้ตลอดปี
5. ช่วยก่อให้เกิดความหลากหลายทางชีวพันธุ์ (Species Diversity)
6. ช่วยกระจายการใช้แรงงาน
7. ช่วยก่อให้เกิดการหมุนเวียน (Recycling) ของกิจกรรมต่าง
ๆ ในระดับไร่นา
8. ช่วยให้เกษตรกรมีอาหารเพียงพอต่อการบริโภคภายในครัวเรือน
9. ช่วยทำให้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรดีขึ้น